ปฏิทินการจัดงานธงฟ้า


บทนำ ธงฟ้า แก้วิกฤตค่าครองชีพ

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2534 เป็นช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตการณ์ด้านค่าครองชีพ สินค้ามีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว กรมการค้าภายใน กระทวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลปากท้องของประชาชนคนไทย จึงได้จัดทำโครงการ “ธงฟ้าราคาประหยัด” ขึ้นด้วยการนำสินค้าอุปโภคบริโภคจากผู้ผลิต และผู้แทนจำหน่ายมาจำหน่วยให้ผู้บริโภคโดยตรง โดยเลือกสินค้าที่โดนใจ จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวันและที่สำคัญราคาถูกกว่าท้องตลาด 20-60%

โครงการธงฟ้า” แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนต่อมามีการนำคำว่า ธงฟ้า มาใช้ในรูปแบบต่างๆในการแก้ปัญหา และวิกฤติที่เกี่ยวกับค่าครองชีพของประชาชน จนกล่าวได้ว่า ธงฟ้า ถือเป็น ยาสามัญประจำบ้านของรัฐบาลขนานหนึ่งในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมากล่าวได้ว่า “ธงฟ้า” ได้ครองใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ และถือเป็นฟันเฟืองหลักที่กรมการค้าภายในนำมาใช้ในการขับเคลื่อน และแบ่งเบาภาระด้านค่าครองชีพของประชาชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบทบาทของ  “ธงฟ้า” นั้นจะขึ้นกับสถานการณ์ต่างๆ เป็นส่วนสำคัญ เช่น ในกรณีที่ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง ผู้ผลิต ผู้ขายสิ้นค้า ไม่ได้สร้างภาระ หรือผลกระทบให้กับประชาชน และประชาชนไม่เดือดร้อนจากภาวะสิ้นค้า “ธงฟ้า” จะไม่ได้มีบทบาทมากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนมีผลกระทบจากภาวะสินค้าปัญหาค่าครองชีพ และเศรษฐกิจที่รุ่มเร้า เมื่อนั้น “ธงฟ้า” จะเข้ามาช่วยเหลืออย่างทันที และเต็มที่

หรืออีกนัยหนึ่ง “ธงฟ้า” คืออัศวินม้าขาวที่ช่วยแบ่งเบาวิกฤตค่าครองชีพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ


เส้นทาง…..การแก้ปัญหาค่าครองชีพ

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มาได้ประมาณ 3ปี ในปี พ.ศ.2478 ประเทศไทยประสบปัญหา ขาดแคลนสินค้า ขณะที่สินค้าทั่วไปส่วนใหญ่มีราคาสูง รัฐบาลในสมัยนั้นได้ใช้กลไกหลายอย่างเพื่อชะลอการปรับขึ้นของสินค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจดูแลภาวะเศรษฐกิจการค้าภายในประเทศ รับผิดชอบการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และประกอบอาชีพทางการค้าของคนไทยได้ริเริ่มจัดทำมาตรการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยการใช้พระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกรมการค้าภายใน มีการจัดหาสินค้าจำเป็นให้แก่ร้านค้าเพื่อนำไปจำหน่ายแก่ประชาชน นอกจากวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมธุรกิจของคนไทยแล้ว กรมการค้าภายในยังต้องการให้ร้านค้าย่อยเป็นเครื่องมือในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกรณีเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวการณ์ขาดแคลนสินค้า และภาวะราคาสินค้ามีราคาสูง ซึ้งการดำเนินการดังกล่าวสามารถชะลอการปรับขึ้นของราคาสิ้นค้าได้ในระดับหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นรูปแบบการกระจายสินค้าราคาประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในยุคเริ่มแรกของการเข้าไปบริหารจัดการภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในปี 2523 สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ มีราคาสูงขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรงงานและค่าน้ำมันเชื้อเพลิง กรมการค้าภายในจึงได้ร่วมกับผู้ผลิตสินค้าผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพออกจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยการสร้างตราสินค้าและว่าจ้างให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ผลิตข้าวโอชา และว่าจ้างผู้ผลิตผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น กลิ่น  สีของสินค้าความสวยงามของภาชนะบรรจุและค่าโฆษณา เพื่อให้มีราคาถูกลง ได้แก่ ผงซักฟอก สบู่   ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้งเด็ก น้ำมันพืช นมผง นมข้นหวาน ปลากระป๋อง และน้ำมันก๊าดและกระจายสินค้าโดยผ่านร้านค้าย่อยในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน

ถือเป็นการเริ่มต้นรูปแบบการกระจายสินค้าราคาประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในยุคเริ่มแรกของการเข้าไปบริการจัดการภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 กรุงเทพมหานคร เกิดน้ำท่วมใหญ่พื้นที่ในหลายเขต มีระดับน้ำขังสูงประชาชนสัญจรไปมาลำบากโดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ มีปัญหาในการเดินทางเพราะระดับน้ำท่วมสูง การซื้อขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันไม่เป็นไปตามปกติ บางพื้นที่ไม่มีการวางจำหน่ายและราคาแพงทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนลำบากมากกรมการค้าภายในจึงได้ช่วยเหลือแก้ปัญหา โดยระยะแรกจัดหากระสอบทรายและกระสอบเปล่าไปจำหน่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในราคาถูก โดยให้บริการส่งถึงบ้าน ต่อมาได้ร่วมกับร้านค้าย่อยในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในจัดส่งรถเร่นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสารบรรจุถุง น้ำตาลทราย น้ำมันพืช เป็นต้น ออกไปจำหน่ายแก่ประชาชนในจุดที่มีปัญหาน้ำท่วม รวม 9สาย และตั้งจุดจำหน่ายประจำ 1 จุด

นอกจากนี้ได้ให้ข้าราชการของกรมการค้าภายในจัดรถบรรทุกนำสินค้าอาหารสด ผักสด ผลไม้ ซึ่งส่งตรงมาจากสำนักงานในภูมิภาคของกรมการค้าภายในที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ แบ่งสายกระจายออกไปจำหน่ายแก่ประชาชนในหมู่บ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมสูงจนสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติ

ผลจากที่กรมการค้าภายในจัดรถเร่นำสินค้าไปจำหน่ายช่วยเหลือประชาชนปรากฏในเวลาต่อมาว่าผู้ค้าต่างนิยมจัดรถนำสินค้าอาหารสด ผักสด ผลไม้  เครื่องอุปโภคบริโภคไปเร่ขายแก่ประชาชนโดยตรงตามหมู่บ้านต่างๆ มากขึ้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ส่งผลให้เกิดภาวะสินค้าจำเป็นขาดตลาด ค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น กรมการค้าภายใน โดยอธิบดีกรมการค้าภายใน (นายประยูร เถลิงศรี) ได้เริ่มโครงการจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่ำกว่าราคาท้องตลาด ในลักษณะที่ประสมประสานกันระหว่างการจัดตลาดนัดและการแสดงสินค้าเป็นครั้งแรก ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้ชื่องานว่า “โครงการสินค้าราคาประหยัด” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาดโดยทั่วไปเป็นครั้งคราว เสมือนเป็นการให้โบนัสหรือคืนกำไรให้กับประชาชนปีละครั้ง เป็นลักษณะร้านเอื้ออาทร นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมผู้ผลิตในประเทศ โดยทำให้ประชาชนหันมานิยมใช้สินค้าไทย

การจัดงานครั้งแรกในจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึงทางสื่อมวลชน พ่อค้า นักธุรกิจ ในท้องถิ่นและประชาชนโดยทั่วไปอย่างมาก เป็นผลให้กรมการค้าภายในสามารถปรับปรุงและส่งเสริม งานเผยแพร่สินค้าไทยให้มีลักษณะงานประจำได้ในระยะเวลาต่อมา ทั้งในรูปแบบของงานที่จัดประจำที่เคลื่อนที่ งานที่เป็นเจ้าของแผนงานเองหรืองานซึ่งให้การสนับสนุนหรือให้ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ

ในปี พ.ศ. 2531 กรมการค้าภายในได้กำหนดแผนงานส่งเสริมและเผยแพร่สินค้าไทย โดยได้จัดทำโครงการ 2 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมสินค้าไทย และโครงการสินค้าราคาประหยัดสู่ชนบท

โครงการส่งเสริมสินค้าไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคมีโอกาสซื้อสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิตในราคาประหยัดเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล โดยบริษัท ห้างหุ้นส่วน โรงงาน ร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการต้องจัดรถเข้าร่วมโครงการเพื่อไปจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดแก่ประชาชนในต่างจังหวัดต่างๆ และต้องเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ต้นจนจบโดยร่วมเดินทางไปกับขบวนตลอดเวลา และจำหน่ายสินค้าในสถานที่ที่ทางจังหวัดร่วมกับกรมการค้าภายในได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ต้องจำหน่ายสินค้าให้แก่ประชาชนในราคาที่ไม่สูงกว่าราคาในตลาดในจังหวัดนั้นๆ หรือในราคาที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการค้าภายใน


โครงการสินค้าราคาประหยัดสู่ชนบท

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคในชนบทได้ซื้อสินค้าโดยตรงจากผูผลิตในราคาประหยัดอันเป็นทางหนึ่งในการช่วยลดค่าครองชีพแก่ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้บริษัท ห้างหุ้นส่วน โรงงาน ร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องจัดรถเข้าร่วมโครงการสินค้าราคาประหยัดสู่ชนบทเพื่อไปจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดแก่ประชาชนในจังหวัดต่างๆ และจะต้องเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ต้นจนจบโครงการ โดยต้องร่วมจำหน่ายสินค้าให้แก่ประชาชนในราคาที่ไม่สูงกว่าราคาตลาดในอำเภอนั้นๆหรือในราคาที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการค้าภายใน

การจัดทำโครงการดังกล่าวได้ที่มีการนำไปใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งสามารถช่วยชะลอการปรับขึ้นของราคาสินค้า และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้อย่างดี


จุดกำเนิดธงฟ้าราคาประหยัด

จากความสำเร็จมากมายของโครงการส่งเสริมสินค้าไทย และโครงการสินค้าราคาประหยัดสู่ชนบท ที่สามารถลดภาระค่าครองชีพในกับประชาชนได้ทั้งประเทศ ทำให้เมื่อประเทศไทยประสบปัญหาภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากภาวะราคาตลาดน้ำมันโลก และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงมากทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2532 ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดหาสินค้าราคาถูกให้กับประชาชน จึงได้มีการเริ่มต้น โครงการคาราวานสินค้าลดค่าครองชีพปี 2553 เพื่อให้ประชาชนในส่วนภูมิภาคได้โอกาสซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่ต่ำกว่าปกติและเพิ่มหรือขยายช่องทางดารตลาดได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ

โครงการคาราวานสินค้าลดค่าครองชีพปี 2533 พัฒนามาจากโครงการคาราวานสินค้าเดิมและโครงการสินค้าราคาประหยัด ณ จังหวัดนครราชสีมาโดยเน้นให้มีการดำเนินการที่ต่อเนื่องเพื่อให้สามารถจัดงานในจังหวัดต่างๆให้มากที่สุด โดยสามารถดำเนินการได้ถึง 48 จังหวัด และได้เริ่มมีการรับสมัครผู้ผลิต (แทนจำหน่ายหรือร้านค้า ให้เข้าร่วมงานในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนจัดซื้อสินค้าและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างยอดขาย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถลดราคาสินค้าให้ถูกกว่าท้องตลาดได้ การดำเนินการได้ผลเป็นที่น่าพอใจทำให้มีการเพิ่มระยะเวลาจัดงาน 2-3วัน เป็น 3-7วัน และมีการปรับปรุงแนวทางดำเนินการ เช่น การจัดทำเต็นท์เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันกำหนดเวลาที่จะต้องจัดงานต่อเนื่องกัน

โครงการคาราวานสินค้าลดค่าครองชีพปี 2533 ได้รับความสำเร็จในระดับที่หน้าจะพอใจและบรรลุวัตถุประสงค์หลักคือสามารถลดค่าครองชีพของประชาชนในจังหวัดที่จัดงาน นอกจากนี้โครงการสามารถสร้างความตื่นตัว อีกั้งทำให้ผู้มีอาชีพจัดงานในลักษณะเดียวกันได้ถือโอกาสจัดกิจกรรมลดสินค้าเป็นพิเศษในช่วงก่อนหรือในขณะที่ขบวนคาราวานสินค้าของกรมการค้าภายในได้เดินทางไปถึงจังหวัดนั้นๆด้วย

อย่างไรก็ตามการดำเนินการจัดงานดังกล่าวก็มีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการภายในจังหวัดว่าเกิดผลกระทบจากการจัดคาราวานสินค้า ประกอบกับในระยะต่อมากรมฯได้รับการสนับสนุนด้านงบประมารดังกล่าวลดลง ทำให้การดำเนินการโครงการดังกล่าวจึงต้องลดลงมาตามไปด้วย

พ.ศ. 2534 ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วประชาชนประสบปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นอีกครั้ง กรมการค้าภายในจึงได้จัดทำ “โครงการธงฟ้าราคาประหยัด” ดำเนินการเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2534 โยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในส่วนภูมิภาคได้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากผูผลิตและตัวแทนจำหน่ายโดยตรงในราคาประหยัด ถือเป็นการเกิดขึ้นของคำว่า “ธงฟ้า” เป็นครั้งแรก

 “ธงฟ้า”ถือกำเนิดมาจาก “สีฟ้า” ซึ้งเป็นสีประจำพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาสอดคล้องกับสีมอคราม ซึ่งเป็นสีของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีแนวคิดว่าสีฟ้า เป็นสีแห่งความเอื้ออาทรเป็นที่พึ่งของประชาชน กรมการค้าภายในได้ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายรับรอง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535  ซึ่งผู้ประสงค์จะใช้ต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน หากผู้ใดนำไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และอานมีความผิดตามประมวนกฎหมายอาญา หรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย

นับจากนั้นเป็นต้นมา โครงการธงฟ้าราคาประหยัด ได้นำมาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายเพื่อมุ่งช่วยเหลือภาระค่าครองชีพและเพิ่มช่องทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าขอประชาชน โดยดำเนินการเป็นครั้งคราวตามความจำเป็นและพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและความเหมาะสมของพื้นที่เป็นหลัก

โครงการธงฟ้าราคาประหยัดได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ.2547 ภาวะนำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากรัฐบาลในขณะนั้นจึงได้จัดทำโครงการเอื้ออาทรขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับรากหญ้า และมีแนวคิดเปลี่ยนชื่อธงฟ้าราคาประหยัดเป็นสินค้าเอื้ออาทร

แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในยังคงใช้ชื่อโครงการ ธงฟ้าราคาประหยัด และได้ดำเนินโครงการเพื่อเป็นมาตรการเสริมในการกำกับดูแลราคาสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งได้ขยายการดำเนินโครงการธงฟ้าราคาประหยัดในหลายกิจกรรมดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างถั่วถึง ได้แก่ 

  • ตลาดนัดธงฟ้าเพื่อผู้บริโภค
  • ธงฟ้าเคลื่อนที่สู่ชุมชน
  • อิ่มทั่วฟ้าราคาเดียว
  • มุมธงฟ้า
  • ธงฟ้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

การจัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดให้กับประชาชนโดยการนำสินค้าอุปโภคบริโภคสินค้าเกษตรที่จำเป็นต่อการครองชีพจากผูผลิตโดยตรงไปจำหน่วยให้กับประชาชน ในราคาถูกกว่าราคาตลาดทั่วไปร้อยละ 20-40 ในพื้นที่ต่างๆได้ดำเนินการเป็นครั้งคราวตามความจำเป็นโดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อมุ่งช่วยเหลือลดค่าภาระค่าครองชีพและเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าของประชาชนกระตุ้นให้มีการแข่งขันในตลาดเพื่อให้ประชาชนมีอำนาจต่อรองในการซื้อสินค้ามากขึ้น

จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ส่งผลให้มีการชะลอการปรับราคาสินค้าโดยทั่วไป และทำให้ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (Consumer price index - CPI) อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่าโครงการธงฟ้าในรูปแบบตลาดนัดธงฟ้าเพื่อผู้บริโภค โครงการอิ่มทั่วฟ้าราคาเดียว ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วประเทศ